ปัญญาจารย์ 2:9-15 THSV11

9 ดัง‍นั้น ข้าพ‌เจ้า​จึง​เป็น​ใหญ่​และ​ยิ่ง‍ใหญ่​กว่า​ทุก​คน​ที่​เคย​อยู่​มา​ก่อน​ข้าพ‌เจ้า​ใน​เย‌รู‌ซา‌เล็ม และ​สติ​ปัญญา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ยัง​คง​อยู่​กับ​ข้าพ‌เจ้า​ด้วย

10 ทุก‍สิ่ง​ที่​นัยน์‍ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​อยาก​เห็น ข้าพ‌เจ้า​ก็​ไม่​ปิด‍บัง ข้าพ‌เจ้า​มิ‍ได้​ห้าม​ใจ​จาก​ความ​สนุก‍สนาน​ทุก‍อย่าง เพราะ​ใจ​ข้าพ‌เจ้า​พบ​ความ​เพลิด‍เพลิน​จาก​การ​ตราก‌ตรำ​ทั้ง‍หมด​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​นี่​เป็น​รางวัล​จาก​การ​ตราก‌ตรำ​ของ​ข้าพ‌เจ้า

11 แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​หัน​มา​ดู​ทุก‍สิ่ง​ที่​มือ​ข้าพ‌เจ้า​ทำ และ​ผล​ของ​การ​ตราก‌ตรำ​ที่​ข้าพ‌เจ้า​ทำ​ลง‍ไป​ด้วย​ความ​เหน็ด‍เหนื่อย และ​ดู‍เถิด ทุก‍อย่าง​ก็​อนิจ‌จัง​คือ กิน‍ลม‍กิน‍แล้ง และ​ไม่‍มี​ประ‌โยชน์​อะไร​ภาย‍ใต้​ดวง‍อา‌ทิตย์

12 ข้าพ‌เจ้า​จึง​หัน​มา​พิ‌เคราะห์​สติ​ปัญญา ความ​บ้า‍บอ และ​ความ​เขลา เพราะ​คน​ที่​มา​ภาย‍หลัง​กษัตริย์​จะ​ทำ​อะไร​ได้? นอก‍จาก​ทำ​สิ่ง​ที่​เขา​ทำ​กัน​มา​นาน​แล้ว​นั้น

13 ข้าพ‌เจ้า​เห็น​ว่า​สติ​ปัญญา​มี​ประ‌โยชน์​กว่า​ความ​เขลา เหมือน​ความ​สว่าง​มี​ประ‌โยชน์​กว่า​ความ​มืด

14 คน​มี​สติ​ปัญญา​รู้​ว่า​จะ​เดิน​ไป​ทาง​ไหน แต่​คน​เขลา​เดิน​ใน​ความ​มืด ถึง‍กระ‌นั้น​ข้าพ‌เจ้า​ก็​ตระ‌หนัก​ว่า เคราะห์​อย่าง​เดียว‍กัน​เกิด‍ขึ้น​แก่​พวก‍เขา​ทุก‍คน

15 ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำพึง​ว่า “เคราะห์​ที่​เกิด​แก่​คน​เขลา ก็​จะ​เกิด​กับ​ตัว​ข้าพ‌เจ้า​ด้วย ถ้า​เช่น​นั้น​แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​จะ​มี​สติ​ปัญญา​มาก‍มาย​ไป​ทำไม​เล่า?” ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำพึง​ว่า​เรื่อง​นี้​ก็​อนิจ‌จัง​เหมือน‍กัน