23 คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมาน และพระองค์จะทรงแสดงความสว่างแก่ชนอิสราเอลและแก่คนต่างชาติ โดยที่ทรงเป็นผู้แรกซึ่งคืนพระชนม์”
24 ครั้นเปาโลกำลังพูดแก้คดีอย่างนั้น เฟสทัสจึงร้องเสียงดังว่า “เปาโลเอ๋ย เจ้าคลั่งไปเสียแล้ว เจ้าเรียนรู้วิชามากจึงทำให้เจ้าคลั่งไป”
25 แต่เปาโลกล่าวว่า “ท่านเฟสทัสเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่คลั่งเลย แต่ว่าได้พูดคำสัตย์จริงและคำที่ปกติชนจะพูด
26 ด้วยว่าท่านกษัตริย์ทรงทราบข้อความเหล่านี้ดีแล้ว ข้าพเจ้าจึงกล้ากล่าวต่อพักตร์ของพระองค์ เพราะข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ไม่มีสักอย่างหนึ่งในบรรดาเหตุการณ์เหล่านั้น ที่ได้พ้นพระเนตรของพระองค์ เพราะการเหล่านั้นมิได้กระทำกันในที่ลับลี้
27 ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ฝ่าพระบาทเชื่อพระคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะหรือไม่พระเจ้าข้า ข้าพระบาททราบว่าฝ่าพระบาทเชื่อ”
28 กษัตริย์อากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เจ้าอยากจะชวนเราให้เป็นคริสเตียน ด้วยคำชักชวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
29 เปาโลจึงทูลว่า “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า ข้าพระบาทมีความปรารถนายิ่งนัก ไม่ว่าด้วยคำชักชวนน้อยหรือมาก ที่จะให้เป็นเหมือนอย่างข้าพระบาท มิใช่ฝ่าพระบาทองค์เดียว แต่คนทั้งปวงที่ฟังข้าพระบาทวันนี้ด้วย เว้นเสียแต่เครื่องจำจองนี้”