1 หัวหน้านักบวชสูงสุดแต่ละคน ก็เป็นคนเหมือนกับเรานี่แหละ แต่ได้รับคัดเลือกมาเป็นตัวแทนของเราต่อหน้าพระเจ้า คือนำของขวัญและถวายเครื่องบูชาจัดการกับบาป มาให้พระเจ้า
2 เพราะเขาก็มีจุดอ่อนเหมือนกับเรา เขาถึงสามารถเห็นอกเห็นใจและช่วยคนที่ไม่รู้เรื่องและคนที่ทำผิดได้
3 เพราะเขามีจุดอ่อนเหมือนกัน เขาถึงต้องถวายเครื่องบูชาจัดการกับบาปของตัวเองก่อน แล้วถึงค่อยทำให้กับประชาชนทีหลัง
4 เรื่องตำแหน่งที่มีเกียรตินี้ ไม่ใช่ใครอยากจะชิงเอาเพื่อได้หน้าก็ทำได้ แต่ต้องเป็นพระเจ้าเองที่เรียกผู้นั้น เหมือนกับที่พระองค์เคยเรียกอาโรน
5 พระคริสต์ไม่ได้ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้านักบวชสูงสุด พระองค์ไม่ได้หาเกียรติให้กับตัวเอง แต่พระเจ้าได้พูดกับพระองค์ว่า“เจ้าเป็นลูกของเราวันนี้เราได้เป็นพ่อของเจ้าแล้ว” (สดุดี 2:7)
6 พระเจ้าได้พูดไว้ในพระคัมภีร์ อีกตอนหนึ่งว่า“เจ้าเป็นนักบวชตลอดไป เหมือนกับเมลคีเซเดค” (สดุดี 110:4)
7 ตอนที่พระเยซูอยู่บนโลกนี้ พระองค์อธิษฐานและอ้อนวอนเสียงดังและด้วยน้ำตา ถึงพระเจ้าผู้ที่สามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ แล้วพระเจ้าก็รับฟัง เพราะพระเยซูเคารพและยำเกรงพระองค์
8 ถึงแม้พระองค์จะเป็นลูกของพระเจ้าก็จริง แต่พระองค์ก็ต้องยอมทนทุกข์ยาก เพื่อจะได้เรียนรู้ถึงความหมายของคำว่าเชื่อฟัง
9 หลังจากที่พระเจ้าทำให้พระเยซูสมบูรณ์แบบแล้ว พระเยซูก็กลายเป็นแหล่งของความรอดที่จะได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป สำหรับทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์
10 พระเจ้าได้ประกาศแต่งตั้งให้พระองค์เป็นหัวหน้านักบวชสูงสุดเหมือนกับเมลคีเซเดค
11 เรายังมีอีกหลายอย่างที่จะพูดกับพี่น้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันยากที่จะอธิบายให้เข้าใจเพราะพี่น้องหัวทึบไปซะแล้ว
12 อันที่จริง ตอนนี้พี่น้องน่าจะเป็นครูกันแล้ว แต่กลับต้องการให้คนมาสอนถึงบทเรียนเบื้องต้นเกี่ยวกับคำสอนของพระเจ้าอีก พี่น้องยังต้องดื่มนมแทนที่จะกินอาหารแข็ง
13 คนที่ยังดื่มนมก็ยังเป็นเด็กทารกอยู่ และยังไม่คุ้นเคยกับคำสอนที่เกี่ยวกับชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
14 แต่ตรงกันข้าม อาหารแข็งนั้นมีไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนจิตใจมาแล้ว ทำให้รู้จักแยกแยะว่าอะไรดีอะไรชั่ว