1 ดังนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายล้อมรอบเราอยู่อย่างนี้แล้ว ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงเราไว้ และบาปที่เกาะติดเราแน่น และขอให้วิ่งแข่งด้วยความมานะอดทนไปตามทางที่อยู่ข้างหน้าเรา
2 ขอให้เราจ้องอยู่ที่พระเยซู ซึ่งเป็นผู้นำความเชื่อของเราและเป็นผู้ที่ทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์แบบ พระองค์ได้อดทนต่อการถูกตรึงบนไม้กางเขน เพื่อความยินดีที่รอพระองค์อยู่ พระองค์ไม่สนใจกับความอับอายที่ต้องตายบนไม้กางเขน และในตอนนี้พระองค์ได้นั่งอยู่ทางขวาของบัลลังก์ของพระเจ้า
3 ขอให้ใคร่ครวญถึงพระองค์ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากคนบาปที่ต่อต้านพระองค์ เพื่อพี่น้องจะได้ไม่ท้อใจหรือยอมแพ้
4 ในเรื่องที่พี่น้องต้องต่อสู้กับบาปนั้น พวกพี่น้องยังไม่ต้องต่อสู้จนถึงกับเลือดตกยางออกเลย
5 พี่น้องคงจะลืมคำที่ให้กำลังใจ คำพูดนี้เป็นคำที่ได้พูดกับพี่น้องในฐานะที่เป็นลูกของพระเจ้าว่า“ลูกเอ๋ย อย่าถือว่าการตีสอนขององค์เจ้าชีวิตนั้นเป็นเรื่องเล่นๆและอย่าหมดกำลังใจ เมื่อพระองค์มาตักเตือนเจ้า
6 เพราะองค์เจ้าชีวิตจะตีสอนคนที่พระองค์รักและจะลงโทษทุกคน ที่พระองค์รับเป็นลูก” (สุภาษิต 3:11-12)
7 ให้พี่น้องอดทนต่อความยากลำบาก เพราะเป็นการตีสอน แสดงว่าพระเจ้ากำลังทำกับพี่น้องเหมือนเป็นลูกของพระองค์ มีลูกคนไหนบ้างที่พ่อไม่เคยตีสอน
8 ถ้าพี่น้องไม่ถูกตีสอนเหมือนกับลูกทั่วๆไป แสดงว่าไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ แต่เป็นลูกที่ไม่มีพ่อ
9 เราทุกคนมีพ่อที่เป็นมนุษย์ที่คอยตีสอนเรา แต่เราก็ยังเคารพเขาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร เราควรจะเชื่อฟังพระบิดาของจิตวิญญาณเรา เพื่อเราจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
10 พ่อของเราที่เป็นมนุษย์จะตีสอนเราแค่ชั่วคราวตามที่เห็นว่าดีที่สุด แต่พระเจ้าจะตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เพื่อเราจะได้มีส่วนร่วมในความบริสุทธิ์ของพระองค์
11 ตอนที่ถูกตีสอนนั้นไม่มีใครชอบหรอกเพราะมันเจ็บ แต่ภายหลังการตีสอนนั้นจะฝึกฝนเรา แล้วผลที่ออกมาก็คือสันติสุข และชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
12 ดังนั้น ให้ยกมือที่ไม่มีแรงขึ้นมา และทำหัวเข่าที่อ่อนแอให้มีกำลังขึ้นมา
13 ทำทางเดินให้ตรงไปสำหรับเท้าของพี่น้อง เพื่อว่าเท้าที่เป็นง่อยนั้นจะได้ไม่พลิก แต่จะหายเป็นปกติ
14 พยายามให้อยู่กับคนทั้งหลายอย่างสงบสุข และพยายามให้มีชีวิตที่บริสุทธิ์ เพราะถ้าไม่มีความบริสุทธิ์ก็จะไม่มีใครเห็นองค์เจ้าชีวิต
15 ระวังตัวให้ดี อย่าให้ใครพลาดไปจากความเมตตากรุณาของพระเจ้า แล้วระวังอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมาก่อปัญหา ที่จะทำให้คนจำนวนมากต้องด่างพร้อย
16 ระวังอย่าให้ใครทำผิดทางเพศ หรือหมกมุ่นแต่เรื่องของโลกนี้เหมือนกับเอซาวที่ขายสิทธิ์ลูกชายหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว
17 พี่น้องก็รู้ว่า ต่อมาเมื่อเอซาวอยากได้พรนั้น เขาก็ถูกปฏิเสธ เพราะว่าเขาไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เขาได้ทำลงไปแล้ว ถึงแม้เขาจะต้องการมากจนน้ำตานองหน้า
18 พี่น้องไม่ได้มาถึงภูเขาที่แตะต้องได้ ไม่ได้มาถึงไฟที่ไหม้อยู่ ไม่ได้มาถึงที่มืด ความมืดมิดอันน่ากลัวหรือพายุ
19 ไม่ได้มาถึงเสียงแตร หรือเสียงพูดของพระองค์ ที่คนที่ได้ยินนั้นอ้อนวอนไม่ให้พูดกับเขาอีก
20 เพราะเขาทนคำสั่งของพระองค์ไม่ไหวที่ว่า “แม้แต่สัตว์ ถ้าแตะต้องภูเขานี้ ก็จะต้องถูกหินขว้าง”
21 สิ่งที่เห็นนั้นน่ากลัวจริงๆ จนโมเสสพูดว่า “ผมกลัวจนตัวสั่น”
22 แต่พี่น้องได้มาถึงภูเขาศิโยน มาถึงเมืองของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ คือเมืองเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และได้มาถึงที่ที่ทูตสวรรค์นับพันนับหมื่นชุมนุมรื่นเริงกัน
23 ได้มาถึงหมู่ประชุมของบุตรหัวปีทั้งหลาย ซึ่งชื่อของพวกเขาจารึกอยู่ในสวรรค์ มาถึงพระเจ้าผู้พิพากษามนุษย์ทั้งหลาย และมาถึงวิญญาณของคนที่ทำตามใจพระเจ้า ที่พระเจ้าทำให้สมบูรณ์แบบแล้ว
24 พี่น้องได้มาถึงพระเยซูคนกลางสำหรับคำสัญญาใหม่ และมาถึงเลือดที่ประพรมซึ่งบอกถึงสิ่งที่ดีกว่าเลือดของอาเบลได้บอก
25 ระวังให้ดี อย่าปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ที่กำลังพูดกับพี่น้องอยู่ ถ้าคนพวกนั้นที่ปฏิเสธไม่ยอมฟังคำเตือนของพระองค์ในโลกนี้ ยังหนีการลงโทษไม่พ้นเลย แล้วเราล่ะคิดว่าถ้าเมินหน้าหนีจากพระองค์ที่เตือนเรามาจากสวรรค์นั้น จะหนีพ้นหรือ
26 ในครั้งก่อนนั้น เสียงของพระองค์ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน แต่ตอนนี้พระองค์ได้สัญญาว่า “เราจะทำให้สั่นสะเทือนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแต่โลกนี้เท่านั้น แต่สวรรค์ด้วย”
27 คำพูดที่ว่า “อีกครั้งหนึ่ง” แสดงว่าสิ่งที่สั่นสะเทือนได้ หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์สร้างขึ้นมา จะถูกทำลายให้หมดไป เพื่อจะได้เหลือแต่สิ่งที่ไม่มีอะไรมาสั่นสะเทือนได้
28 เนื่องจากเรากำลังได้รับอาณาจักรที่ไม่มีอะไรสามารถมาสั่นสะเทือนมันได้ ก็ขอให้เรากตัญญูรู้คุณพระเจ้า นมัสการพระองค์อย่างเคารพยำเกรง ในทางที่ชอบใจพระเจ้า
29 เพราะพระเจ้าของเรานั้นเป็นไฟที่เผาผลาญ