มา‌ระ‌โก 7 TH1971

คำ‍สอน​ของ​บรรพ‌บุรุษ​ที่​ตก‍ทอด​มา

1 ครั้ง​นั้น พวก​ฟา‌ริสี​กับ​พวก​ธรร‌มา‌จารย์​บาง​คน ซึ่ง​ได้​มา​จาก​กรุง​เย‌รู‌ซา‌เล็ม​พา​กัน​มา​หา​พระ‍องค์

2 เขา​ได้​เห็น​เหล่า​สา‌วก​บาง‍คน​รับ‍ประ‌ทาน​อา‌หาร​ด้วย​มือ​ที่​เป็น​มล‌ทิน คือ​มือ​ที่​ไม่​ได้​ล้าง​ก่อน

3 (เพราะ​ว่า​พวก​ฟา‌ริสี​กับ​พวก‍ยิว​ทั้ง​สิ้น​ถือ​ตาม​คำ​ที่​บรรพ‌บุรุษ​สอน​ต่อๆ​กัน​มา​นั้น​ว่า ถ้า​มิ​ได้​ล้าง​มือ​ตาม​พิธี​โดย​เคร่ง‌ครัด เขา​ก็​ไม่​รับ‍ประ‌ทาน‍อา‌หาร​เลย

4 และ​เมื่อ​เขา​มา​จาก​ตลาด ถ้า​มิ​ได้​ทำ​พิธี​ชำระ​ตัว​ก่อน เขา​ก็​ไม่​รับ‍ประ‌ทาน​อา‌หาร​และ​ธรรม‌เนียม​อื่นๆ อีก​หลาย​อย่าง​เขา​ก็​ถือ คือ​ล้าง​ถ้วย​เหยือก​และ​ภาชนะ​ทอง​สัม‌ฤทธิ์)

5 พวก​ฟา‌ริสี​กับ​พวก​ธรร‌มา‌จารย์​จึง​ทูล​ถาม​พระ‍องค์​ว่า “ทำไม​พวก​สา‌วก​ของ​ท่าน​ไม่​ประ‌พฤติ​ตาม​คำ‍สอน​ที่​ตก‍ทอด​มา​จาก​บรรพ‌บุรุษ แต่​รับ‍ประ‌ทาน​อา‌หาร​ด้วย​มือ​เป็น​มล‌ทิน”

6 พระ‍องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “อิส‌ยาห์​ได้​พยา‌กรณ์​ถึง​พวก​เจ้า​คน​หน้า‍ซื่อ‍ใจ‍คด ก็​ถูก​ตาม​ที่​ได้​เขียน​ไว้​ว่า ประ‌ชา‍ชน​นี้​ให้​เกียรติ​เรา​แต่​ปาก ใจ​ของ​เขา​ห่าง​ไกล​จาก​เรา

7 เขา​นมัส‌การ​เรา​โดย​หา​ประ‌โยชน์​มิ​ได้ ด้วย​เอา​บท​บัญ‌ญัติ​ของ​มนุษย์​มา​ตู่​ว่า​เป็น​พระ‍ดำ‌รัส​สอน​ของ​พระ‍เจ้า

8 เจ้า​ทั้ง‍หลาย​ละ​ธรรม‍บัญ‌ญัติ​ของ​พระ‍เจ้า และ​กลับ​ไป​ถือ​ตาม​ถ้อย‍คำ​ของ​มนุษย์​ที่​เขา​สอน​ต่อๆ​กัน​มา​นั้น”

9 พระ‍องค์​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “เหมาะ​จริง​นะ ที่​เจ้า​ทั้ง‍หลาย​ได้​ละ​ทิ้ง​ธรรม‍บัญ‌ญัติ​ของ​พระ‍เจ้า เพื่อ​จะ​ได้​ถือ‍ตาม​คำ​สอน​ที่​ตน​รับ​มา​จาก​บรรพ‌บุรุษ

10 เพราะ​โม‌เสส​ได้​สั่ง​ไว้​ว่า ‘จง​ให้​เกียรติ​บิดา​มารดา​ของ​เจ้า’ และ ‘ผู้‍ใด​ประ‌ณาม​บิดา​มารดา​จะ​ต้อง​มี​โทษ​ถึง​ตาย’

11 แต่​พวก‍เจ้า​กลับ​สอน​ว่า ‘ผู้‍ใด​จะ​กล่าว​แก่​บิดา​มารดา​ว่า “สิ่ง‍ใด​ของ​ข้าพ‌เจ้า​ซึ่ง​อาจ​เป็น​ประ‌โยชน์​แก่​ท่าน สิ่ง‍นั้น​เป็น​โกระ‌บาน” ’ (แปล‍ว่า​เป็น​ของ​ถวาย​แด่​พระ‍เจ้า​แล้ว)

12 เจ้า​ทั้ง‍หลาย​จึง​ไม่​อนุ‌ญาต​ให้​ผู้‍นั้น​ทำ​สิ่ง‍ใด​ต่อ‍ไป เป็น​ที่​ช่วย​บำ‌รุง​บิดา​มารดา​ของ​ตน

13 เจ้า​ทั้ง‍หลาย​จึง​ทำ​ให้​พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍เจ้า​เป็น​หมัน​ไป ด้วย​คำ​สอน​ที่​พวก​เจ้า​รับ​มา​จาก​บรรพ‌บุรุษ และ​สอน​ต่อๆ​กัน​ไป และ​สิ่ง​อื่นๆ​เช่น​นี้​อีก​หลาย​สิ่ง เจ้า​ทั้ง‍หลาย​ก็​ทำ​อยู่”

สิ่ง​ที่​ทำ​ให้​เป็น‍มล‌ทิน

14 แล้ว​พระ‍องค์​ทรง​เรียก​ประ‌ชา‍ชน​อีก ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง‍หลาย​จง​ฟัง​เรา​และ​เข้า​ใจ​เถิด

15 ไม่‍มี​สิ่ง​ใด​ภาย‍นอก​ที่​เข้า​ไป​ภาย‍ใน​มนุษย์​จะ​กระ‌ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มล‌ทิน​ได้ แต่​สิ่ง​ซึ่ง​ออก​มา​จาก​ภาย‍ใน​มนุษย์ สิ่ง‍นั้น​แหละ​กระ‌ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มล‌ทิน [

16 ใคร​มี​หู​ฟัง​ได้ จง​ฟัง​เถิด”]

17 ครั้น​พระ‍องค์​ได้​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​เรือน พ้น​ประ‌ชา‍ชน​แล้ว เหล่า​สา‌วก​ก็​ได้​ทูล​ถาม​พระ‍องค์​ถึง​คำ​อุป‌มา​นั้น

18 พระ‍องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ถึง​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ก็​ยัง​ไม่​เข้า‍ใจ​หรือ ท่าน​ยัง​ไม่​เห็น​หรือ​ว่า สิ่ง​ใดๆ​แต่​ภาย‍นอก​ที่​เข้า‍ไป​ภาย‍ใน​มนุษย์ จะ​กระ‌ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มล‌ทิน​ไม่​ได้

19 เพราะ​ว่า​สิ่ง​นั้น​มิ​ได้​เข้า​ใน​ใจ แต่​ลง​ไป​ใน​ท้อง​แล้ว​ก็​ถ่าย​ออก​ลง​ส้วม​ไป” (ที่​ทรง‍สอน​อย่าง‍นี้​ก็​เป็น​การ​ประ‌กาศ​ว่า อา‌หาร​ทุก​อย่าง​ปราศ‍จาก​มล‌ทิน)

20 พระ‍องค์​ตรัส​ว่า “สิ่ง​ที่​ออก‍มา​จาก​ภาย‍ใน​มนุษย์ สิ่ง​นั้น​แหละ​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มล‌ทิน

21 เพราะ‍ว่า​จาก​ภาย‍ใน​มนุษย์​คือ​จาก​ใจ​มนุษย์ มี​ความ​คิด​ชั่ว‍ร้าย การ​ล่วง​ประ‌เวณี การ​ลัก‍ขโมย การ​ฆ่า​คน การ​ผิด​ผัว​ผิด​เมีย

22 การ​โลภ ความ​อธรรม การ​ล่อ‍ลวง​เขา รา‌คะ‍ตัณ‌หา อิจ‌ฉา‍ตา‍ร้อน การ​ใส่‍ร้าย ความ​เย่อ‍หยิ่ง ความ​บัด‍ซบ

23 สาร‌พัด​การ​ชั่ว​นี้​เกิด​มา​จาก​ภาย‍ใน และ​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มล‌ทิน”

ความ​เชื่อ​ของ​หญิง​ซีเรีย​ฟีนิ‌เซีย

24 พระ‍องค์​จึง​ทรง​ลุก​ขึ้น​จาก​ที่​นั่น ไป​ยัง​เขต​แดน​เมือง​ไทระ และ​เมือง​ไซ‌ดอน แล้ว​เข้า​ไป​ใน​เรือน​แห่ง​หนึ่ง​ประ‌สงค์​จะ​มิ​ให้​ผู้​ใด​รู้ แต่​พระ‍องค์​จะ​ทรง‍ซ่อน​อยู่​มิ​ได้

25 เพราะ​ทัน​ใด​นั้น ผู้หญิง​คน‍หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ลูก‍สาว​ที่​ผี​โส‌โครก​สิง เมื่อ​ได้​ยิน​ข่าว​ถึง​พระ‍องค์ ก็​มา​กราบ​ที่​พระ‍บาท​ของ​พระ‍องค์

26 ผู้หญิง​นั้น​มี​เชื้อ‍ชาติ​ซีเรีย​ฟีนิ‌เซีย พูด​ภา‌ษา​กรีก แล้ว​นาง​ทูล​อ้อน‍วอน​ขอ​พระ‍องค์​ให้​ขับ‍ผี​ออก‍จาก​ลูก‍สาว​ของ​ตน

27 ฝ่าย​พระ‍เยซู​ตรัส​แก่​นาง​นั้น​ว่า “ให้​พวก‍ลูก​กิน​อิ่ม​เสีย​ก่อน เพราะ​ว่า​ซึ่ง​จะ​เอา​อา‌หาร​ของ​ลูก​โยน​ให้​แก่​สุนัข​ก็​ไม่‍ควร”

28 แต่​นาง​ทูล​ตอบ​ว่า “จริง​เจ้า‍ข้า แต่​สุนัข​ที่​อยู่​ใต้โต๊ะ​นั้น​ย่อม​กิน​เดน​อา‌หาร​ของ​ลูก”

29 แล้ว​พระ‍องค์​ตรัส​แก่​นาง​ว่า “เพราะ​เหตุ​ถ้อย‍คำ​นี้​จง​กลับ​ไป​เถิด ผี​ออก‍จาก​ลูก‍สาว​ของ​เจ้า​แล้ว”

30 ฝ่าย​หญิง​นั้น​เมื่อ​ไป​ยัง​เรือน​ของ​ตน ได้​เห็น​ลูก​นอน​อยู่​บน​ที่‍นอน และ​ทราบ‍ว่า​ผี​ออก​แล้ว

พระ‍เยซู​ทรง​รัก‌ษา​คน​หู‍หนวก​และ​ใบ้

31 ต่อ‍มา​พระ‍องค์​จึง​เสด็จ​จาก​เขต‍แดน​เมือง​ไทระ และ​ผ่าน​เมือง​ไซ‌ดอน​ดำ‌เนิน​ตาม​ทาง​แคว้น​ทศ‌บุรี มา​ยัง​ทะเล‍สาบ​กา‌ลิลี

32 เขา​พา​ชาย​หู‍หนวก​พูด‍ติด‍อ่าง​คน‍หนึ่ง​มา​หา​พระ‍องค์ แล้ว​ทูล​ขอ​พระ‍องค์​ให้​ทรง‍วาง​พระ‍หัตถ์​บน​คน‍นั้น

33 พระ‍องค์​จึง​ทรง‍นำ​คน‍นั้น​ออก​จาก​ประ‌ชา‍ชน​ไป​อยู่​ต่าง​หาก ทรง​เอา​นิ้ว​พระ‍หัตถ์​ยอน​เข้า​ที่​หู​ของ​ชาย​ผู้​นั้น และ​ทรง‍บ้วน​น้ำ‍ลาย เอา​นิ้ว​พระ‍หัตถ์​จิ้ม​แตะ​ลิ้น​คน​นั้น

34 แล้ว​พระ‍องค์​ทรง​แหงน​พระ‍พักตร์​ดู​ฟ้า‍สวรรค์ ทรง​ถอน​พระ‍ทัย​ตรัส​แก่​คน‍นั้น​ว่า “เอฟ‌ฟา‌ธา” แปล‍ว่า “จง​เปิด​ออก”

35 แล้ว​หู​คน‍นั้น​ก็​ปกติ สิ่ง​ที่​ขัด‍ลิ้น​นั้น​ก็​หลุด​และ​เขา​พูด​ได้​ชัด

36 พระ‍องค์​ทรง​ห้าม‍ปราม​คน​ทั้ง‍หลาย​มิ​ให้​แจ้ง​ความ​นี้​แก่​ผู้​ใด​เลย แต่​พระ‍องค์​ยิ่ง​ทรง​ห้าม‍ปราม เขา​ก็​ยิ่ง​เล่า‍ลือ​ไป​มาก

37 คน​ทั้ง‍ปวง​ก็​ประ‌หลาด​ใจ​เหลือ​เกิน พูด​กัน​ว่า “พระ‍องค์​ทรง​กระ‌ทำ​ล้วน​แต่​ดี​ทั้ง​นั้น ทรง​กระ‌ทำ​คน​หู‍หนวก​ให้​ได้​ยิน คน‍ใบ้​ให้​พูด​ได้”

บท

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16