เพลงคร่ำครวญ 1:7-13 TNCV

7 ในยามทุกข์ลำเค็ญและต้องระหกระเหินเยรูซาเล็มก็หวนระลึกถึงสิ่งเลอเลิศที่เธอเคยมีในวันเก่าก่อนเมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูไม่มีใครช่วยเหลือเธอเหล่าศัตรูมองดูเธอและหัวเราะเยาะความย่อยยับของเธอ

8 เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงดังนั้นเธอจึงแปดเปื้อนมลทินบรรดาคนที่เคยยกย่องเธอก็เหยียดหยามเธอเพราะเห็นความเปลือยเปล่าของเธอเธอเองสะอื้นไห้และหันหน้าหนี

9 ความโสโครกฝังแน่นในอาภรณ์ของเธอเธอไม่ใส่ใจอนาคตของเธอความล่มจมของเธอน่าใจหายไม่มีใครปลอบโยนเธอ“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์เพราะศัตรูชนะเสียแล้ว”

10 ศัตรูฉวยสิ่งล้ำค่าของเธอไปหมดเธอเห็นคนต่างชาติบุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอล้วนแต่เป็นชนชาติต่างๆ ซึ่งพระองค์สั่งห้ามไม่ให้เข้ามาท่ามกลางชุมนุมประชากรของพระองค์

11 พลเมืองของเธอสะอื้นไห้ขณะเสาะหาอาหารเอาของมีค่าออกมาแลกอาหารเพื่อประทังชีวิต“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรและทรงใคร่ครวญดูเถิดเพราะข้าพระองค์ถูกเหยียดหยาม”

12 “พวกท่านที่ผ่านไปผ่านมา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยหรือ?จงมองไปรอบๆ เถิดมีความทุกข์ใดบ้างเหมือนทุกข์ที่เกิดแก่ข้าพเจ้าทุกข์ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลแก่ข้าพเจ้าในวันแห่งพระพิโรธอันรุนแรง?

13 “พระองค์ทรงส่งไฟลงมาจากเบื้องบนไฟนั้นแผดเผาอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้าพระองค์ทรงวางตาข่ายดักเท้าของข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้าหันกลับพระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าไว้ให้ระบมไข้และอ่อนระโหยโรยแรงวันยังค่ำ