ปัญ‌ญา‌จารย์ 2:10-16 TH1971

10 สิ่ง​ใดๆ​ที่​นัยน์ตา​ของ​ข้าพ‌เจ้า​อยาก​เห็น ข้าพ‌เจ้า​ก็​ไม่​ปิด‍บัง ข้าพ‌เจ้า​มิ‍ได้​ห้าม​ใจ​จาก​ความ​สนุก​สนาน​ใดๆ เพราะ​ใจ​ข้าพ‌เจ้า​พบ​ความ​เพลิด‌เพลิน​ใน​บรร‌ดา​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​นี่​เป็น​ราง‌วัล​จาก​งาน​ของ​ข้าพ‌เจ้า

11 แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​หัน​มา​ดู​บรร‌ดา​สิ่ง​ที่​มือ​ข้าพ‌เจ้า​กระ‌ทำ และ​ความ​เหน็ด​เหนื่อย​ที่​ข้าพ‌เจ้า​ทุ่ม‍เท​ลง​ไป​และ ดู‍เถิด ทุก​อย่าง​ก็​อนิจ‌จัง คือ​กิน​ลม​กิน​แล้ง และ​ไม่‍มี​ประ‌โยชน์​อะไร​ภาย‍ใต้​ดวง​อาทิตย์

12 ข้าพ‌เจ้า​จึง​หัน​มา​พิเคราะห์​สติ​ปัญ‌ญา ความ​บ้า‍บอ และ​ความ​เขลา เพราะ​คน​ที่​มา​ภาย‍หลัง​กษัตริย์ จะ​ทำ​อะไร​ได้​บ้าง เขา​ก็​กระ‌ทำ​สิ่ง​ที่​เขา​กระ‌ทำ​กัน​มา​นาน​แล้ว​นั้น​ได้

13 ข้าพ‌เจ้า​เห็น​ว่า​สติ​ปัญ‌ญา​วิเศษ​กว่า​ความ​เขลา เหมือน​ความ​สว่าง​วิเศษ​กว่า​ความ​มืด

14 คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​มี​ตา​อยู่​ใน​สมอง แต่​คน​เขลา​เดิน​ใน​ความ​มืด ถึง​กระ‌นั้น​ข้าพ‌เจ้า​ยัง​เห็น​ว่า เคราะห์​อย่าง​เดียว​กัน​เกิด​ขึ้น​แก่​เขา​ทั้ง‍มวล

15 ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำ‌พึง​ว่า “เคราะห์​กรรม​อัน​ใด​เกิด​แก่​คน​เขลา​ฉัน‍ใด ก็​คง​จะ​เกิด​กับ​ตัว​ข้าพ‌เจ้า​ฉัน​นั้น ถ้า​กระ‌นั้น​แล้ว​ข้าพ‌เจ้า​จะ​มี​สติ​ปัญ‌ญา​มาก‍มาย​ทำไม​เล่า” ข้าพ‌เจ้า​จึง​รำ‌พึง​ว่า​เรื่อง​นี้​ก็​อนิจ‌จัง​เหมือน​กัน

16 เพราะ​ไม่‍มี​ใคร​ระลึก​ถึง​คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​เช่น เดียว​กับ​คน​เขลา ด้วย​เห็น​ว่า​ใน​อนา‌คต​ก็​ลืม​กัน​ไป​หมด​แล้ว พุท‌โธ่ คน​มี​สติ​ปัญ‌ญา​ก็​ตาย​เหมือน​คน​เขลา