5 ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นในเวลาโพล้เพล้ เพื่อจะไปยังค่ายของคนซีเรีย แต่เมื่อเขามาถึงริมค่ายของคนซีเรียแล้ว ดูเถิด ไม่มีใครที่นั่นสักคน
6 เพราะพระเจ้าได้ทรงกระทำให้กองทัพของคนซีเรียได้ ยินเสียงรถรบ เสียงม้า และเสียงกองทัพใหญ่ เขาจึงพูดกันและกันว่า “ดูเถิด พระราชาแห่งอิสราเอลได้จ้างบรรดา พระราชาแห่งคนฮิตไทต์ และบรรดาพระราชาแห่งอียิปต์มารบเราแล้ว”
7 เขาจึงลุกขึ้นหนีไปในเวลาโพล้เพล้ และทิ้งเต็นท์ ม้า และลาของเขา ทิ้งเต็นท์ไว้อย่างนั้นเอง และหนีไปเอาชีวิตรอด
8 และเมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านี้มาถึงที่ริมค่าย เขาก็เข้าไปในเต็นท์หนึ่งกินและดื่ม และขนเงิน ทองคำ และเสื้อผ้าเอาไปซ่อนไว้ แล้วเขาก็กลับมาเข้าไปในอีกเต็นท์หนึ่ง ขนเอาข้าวของออกไปจากที่นั่นด้วยเอาไปซ่อนไว้
9 แล้วเขาพูดกันและกันว่า “เราทำไม่ถูกเสียแล้ว วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าเรานิ่งอยู่ และคอยจนแสงอรุณขึ้นโทษจะตกอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นมาเถิด ให้เราไปบอกยังสำนักพระราชวัง”
10 เขาจึงเรียกนายประตูเมือง และบอกเรื่องราวแก่เขาว่า “เรามายังค่ายของคนซีเรีย และดูเถิด เราไม่เห็นใครและไม่ได้ยินเสียงผู้ใดที่นั่น มีแต่ม้าผูกอยู่และลาผูกอยู่ และเต็นท์ตั้งอยู่อย่างนั้นเอง”
11 แล้วนายประตูก็ตะโกนบอกไป และเขาก็บอกกันไปถึงสำนักพระราชวัง