11 เขาทั้งหลายได้กระทำส่วนของเราให้ร้างเปล่าเมื่อร้างเปล่าส่วนนั้นก็ไว้ทุกข์ต่อเราแผ่นดินทั้งสิ้นก็ถูกทิ้งให้ร้างเปล่าเพราะไม่มีผู้ใดเอาใจใส่เรื่องนั้น
12 ผู้ทำลายล้างได้มาบนบรรดาที่สูงทั้งปวงในถิ่นทุรกันดารเพราะว่าแสงดาบของพระเจ้าทำลาย จากปลายแผ่นดินนี้ไปถึงปลายอีกข้างหนึ่งมนุษย์ไม่มีศานติภาพ
13 เขาทั้งหลายได้หว่านข้าวสาลีแต่ได้เกี่ยวหนามเขาได้กระทำให้ตัวเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่ได้กำไรอะไรเจ้าทั้งหลายจงละอายด้วยผลการเกี่ยวของเจ้าด้วยเหตุความโกรธเกรี้ยวกราดของพระเจ้า”
14 พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ด้วยเรื่องเพื่อนบ้านที่ชั่วช้าของเรา ผู้ที่ได้แตะต้องมรดกซึ่งเราได้ให้ อิสราเอลประชากรของเราสืบมรดกนั้น ดูเถิด เราจะถอนเขาทั้งหลายขึ้นจากแผ่นดินของเขา และเราจะถอนเชื้อสายยูดาห์จากท่ามกลางเขาทั้งหลาย
15 และหลังจากที่เราได้ถอนเขาทั้งหลายขึ้นแล้ว เราจะกลับมีความเมตตาต่อเขาอีก และเราจะนำเขาทั้งหลายมาอีก ให้ต่างก็มายังมรดกของตนและยังแผ่นดินของตน
16 และจะเกิดกรณีขึ้นว่า ถ้าเขาทั้งหลายจะอุตส่าห์ศึกษาทางแห่งประชากรของเรา คือปฏิญาณในนามของเราว่า “ตราบใดที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่” อย่างที่เขาได้สอนประชากรของเราให้ปฏิญาณโดยพระบาอัล แล้วเขาจะได้รับการสร้างขึ้นไว้ท่ามกลางประชากรของเรา
17 แต่ถ้าเขาทั้งหลายไม่ฟัง แล้วเราจะถอนประชาชาตินั้นขึ้นและทำลายเขาจนสิ้น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”