เย‌เร‌มีย์ 40 TH1971

เย‌เร‌มีย์​กับ​พวก​ที่​เหลือ​อยู่​กับ​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์

1 พระ‍วจนะ​ซึ่ง​มา​จาก​พระ‍เจ้า​ถึง​เย‌เร‌มีย์ หลัง‍จาก​ที่​เน‌บูซา‌ระดาน​ผู้​บัญ‌ชา​การ​ทหาร รัก‌ษา​พระ‍องค์​ได้​ปล่อย​ให้​ท่าน​ไป​จาก​รา‌มาห์ ครั้ง​เมื่อ​เขา​จับ​ท่าน​ตี‍ตรวน​มา​พร้อม​กับ เชลย​พวก​กรุง​เย‌รู‌ซา‌เล็ม​และ​ยู‌ดาห์ ผู้​ที่​ต้อง​ถูก​กวาด​ไป​เป็น​เชลย​ยัง​บา‌บิ‌โลน

2 ผู้​บัญ‌ชา​การ​ทหาร​รัก‌ษา​พระ‍องค์​ได้ นำ​เย‌เร‌มีย์​มา​แล้ว​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “พระ‍เย‌โฮ‌วาห์​พระ‍เจ้า​ของ​ท่าน​ทรง​ประ‌กาศ​โทษ​ต่อ​สถาน‍ที่​นี้

3 พระ‍เจ้า​ทรง​กระ‌ทำ​ให้​เป็น​ไป​และ​ทรง​กระ‌ทำ ตาม​ที่​พระ‍องค์​ตรัส​ไว้ เพราะ​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ได้​กระ‌ทำ​บาป​ต่อ​พระ‍เจ้า และ​ไม่​เชื่อ‍ฟัง​พระ‍สุรเสียง​ของ​พระ‍องค์ สิ่ง​นี้​จึง​ได้​เป็น​มา​เหนือ​ท่าน

4 ดู‍เถิด วัน‍นี้​ข้าพ‌เจ้า​ปล่อย​ท่าน​จาก​โซ่‍ตรวน​ที่​มือ​ของ​ท่าน ถ้า​ท่าน​เห็น​ชอบ​ที่​จะ​มา​ยัง​กรุง​บา‌บิ‌โลน​กับ​ข้าพ‌เจ้า ก็​จง​มา​เถิด ข้าพ‌เจ้า​จะ​ดูแล​ท่าน​ให้​ดี แต่​ถ้า​ท่าน​ไม่​เห็น‍ชอบ​ที่​จะ​มา​ยัง​กรุง​บา‌บิ‌โลน​กับ​ข้าพ‌เจ้า ก็​อย่า​มา ดู‍ซิ แผ่น‍ดิน​ทั้ง‍หมด​นี้​อยู่​ต่อ‍หน้า​ท่าน ท่าน​จะ​ไป​ที่‍ไหน​ก็​ได้​ตาม​แต่​ท่าน​เห็น​ดี​เห็น​ชอบ​ที่​จะ​ไป

5 ถ้า​ท่าน​ยัง​อยู่​ที่‍นี่ ท่าน​จง​กลับ​ไป​หา​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร​อา‌หิ‌คัม ผู้​เป็น​บุตร​ชา‌ฟาน​ผู้​ซึ่ง​พระ‍รา‌ชา​แห่ง​บา‌บิ‌โลน​ได้ แต่ง‍ตั้ง​ให้​เป็น​ผู้​ว่า​ราช‍การ​บรร‌ดา​หัว‍เมือง​ยู‌ดาห์ และ​อยู่​กับ​เขา​ท่าม‍กลาง​ประ‌ชา‍ชน หรือ​จะ​ไป​ที่‍ใด​ที่​ท่าน​เห็น‍ชอบ​จะ​ไป​ก็​ได้ ผู้​บัญ‌ชา​การ​ทหาร​รัก‌ษา​พระ‍องค์ จึง​สั่ง​อนุ‌มัติ​เสบียง​และ​ให้​ของ‍ขวัญ แก่​เย‌เร‌มีย์ แล้ว​ก็​ปล่อย​ท่าน​ไป

6 เย‌เร‌มีย์​ก็​ไป​หา​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์ บุตร​อา‌หิ‌คัม​ที่​มิส‌ปาห์ และ​อา‌ศัย​อยู่​กับ​เขา​ท่าม‍กลาง​ประ‌ชา‍ชน ซึ่ง​เหลือ​อยู่​ใน​แผ่น‍ดิน​นั้น

7 เมื่อ​บรร‌ดา​หัว‍หน้า​ของ​กอง‍ทหาร​และ​คน​ของ​เขา ทั้ง‍หลาย​ได้‍ยิน​ว่า พระ‍รา‌ชา​แห่ง​บา‌บิ‌โลน​ได้​แต่ง‍ตั้ง​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร อา‌หิ‌คัม​ให้​เป็น​ผู้​ว่า​ราช‍การ​ใน​แผ่น‍ดิน​นั้น และ​ได้​มอบ​ชาย​หญิง​กับ​เด็ก​ผู้​ที่​เป็น​คน‍จน​ที่‍สุด​ใน​แผ่น‍ดิน ซึ่ง​มิ‍ได้​ถูก​กวาด​ไป​เป็น​เชลย​ยัง​บา‌บิ‌โลน​ไว้​ให้​ท่าน​นั้น

8 เขา​ทั้ง‍หลาย​ก็​ไป​หา​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​ที่​มิส‌ปาห์ มี​อิช‌มา‌เอล​บุตร​เน‌ธา‌นิ‌ยาห์ โย‌ฮานัน​บุตร​คา‌เร‌อาห์ เส‌ไร‌อาห์​บุตร​ทันหุ‌เมท บรร‌ดา​บุตร​ของ​เอ‌ฟาย​ชาว​เน‌โท‌ฟาห์ เย‌ซัน‌ยาห์​บุตร​ชาว​มา‌อา‌คาห์​ทั้ง​ตัว​เขา​และ​คน​ของ​เขา

9 เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร​อา‌หิ‌คัม ผู้​เป็น​บุตร​ชา‌ฟาน​ก็​ได้​สา‌บาน​ให้​แก่​เขา และ​คน​ของ​เขา​กล่าว​ว่า “อย่า​กลัว​ใน​การ​ที่​จะ​ปรน‌นิบัติ​คน​เคล‌เดีย จง​อา‌ศัย​อยู่​ใน​แผ่น‍ดิน​และ​ปรน‌นิบัติ​พระ‍รา‌ชา แห่ง​บา‌บิ‌โลน​แล้ว​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ก็​จะ​อยู่​เย็น​เป็น สุข

10 ส่วน​ตัว​ข้าพ‌เจ้า ข้าพ‌เจ้า​จะ​อา‌ศัย​อยู่​ที่​มิส‌ปาห์ เพื่อ​จะ​เป็น​ผู้‍แทน​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​คอย​รับ‍รอง​คน​เคล‌เดีย ผู้​ซึ่ง​จะ​มา‍หา​เรา แต่​ฝ่าย​ท่าน​จง​เก็บ​เหล้า​องุ่น ผล‍ไม้​ฤดู‍ร้อน และ​น้ำ‍มัน และ​เก็บ​ไว้​ใน​ภาชนะ และ​จง​อยู่​ใน​หัว‍เมือง​ซึ่ง​ท่าน​ยึด​ได้​นั้น”

11 ใน​ทำ‌นอง​เดียว​กัน เมื่อ​พวก​ยิว​ซึ่ง​อยู่​ที่​โม‌อับ​และ​ท่าม‍กลาง​คน​อัม‌โมน​และ ใน​เอ‌โดม​และ​ใน​แผ่น‍ดิน​อื่นๆ ได้​ยิน​ว่า​พระ‍รา‌ชา​แห่ง​บา‌บิ‌โลน​ได้​ทิ้ง​คน​ให้​เหลือ​ไว้ ส่วน​หนึ่ง​ใน​ยู‌ดาห์​และ​ได้​แต่ง‍ตั้ง​ให้​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร​อา‌หิ‌คัม ผู้​เป็น​บุตร​ชา‌ฟาน​ให้​เป็น​ผู้​ว่า​ราช‍การ​เหนือ​เขา​ทั้ง‍หลาย

12 แล้ว​พวก‍ยิว​ทั้ง‍ปวง​ก็​ได้​กลับ​มา​จาก​ทุก​ที่​ซึ่ง​เขา ถูก​ขับ‍ไล่​ให้​ไป​อยู่​นั้น และ​มา​ยัง​แผ่น‍ดิน​ยู‌ดาห์​มา​หา​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​ที่​มิส‌ปาห์ และ​เขา​ทั้ง‍หลาย​ได้​เก็บ​เหล้า​องุ่น​และ​ผล‍ไม้​ใน ฤดู​ร้อน​ได้​เป็น​อัน​มาก

อิช‌มา‌เอล​ส้อง‍สุม​ผู้​คน​คิด‍คด​ต่อ​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์

13 ฝ่าย​โย‌ฮานัน​บุตร​ของ​คา‌เร‌อาห์​และ​บรร‌ดา​ประ‌มุข ของ​กอง​ทหาร​ได้​มา​หา​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​ที่​มิส‌ปาห์

14 และ​กล่าว​แก่​ท่าน​ว่า “ท่าน​ทราบ​หรือ‍ไม่​ว่า​บา‌อา‌ลิส​กษัตริย์​ของ​คน​อัม‌โมน ได้​ส่ง​ให้​อิช‌มา‌เอล​บุตร​เน‌ธา‌นิ‌ยาห์​มา​เอา​ชีวิต​ของ​ท่าน” ฝ่าย​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร​อา‌หิ‌คัม​ไม่​เชื่อ​เขา​ทั้ง‍หลาย

15 แล้ว​โย‌ฮานัน​บุตร​คา‌เร‌อาห์​ได้​พูด​กับ​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์ เป็น​การ‍ลับ​ที่​มิส‌ปาห์​ว่า “จง​ให้​ข้าพ‌เจ้า​ไป​ฆ่า​อิช‌มา‌เอล​บุตร​เน‌ธา‌นิ‌ยาห์​เสีย และ​จะ​ไม่‍มี​ใคร​ทราบ​เรื่อง ทำไม​จะ​ให้​เขา​เอา​ชีวิต​ของ​ท่าน แล้ว​พวก​ยิว​ซึ่ง​มา​รวบ‍รวม​อยู่​กับ​ท่าน​จะ​กระ‌จัด‍กระ‌จาย​กัน​ไป และ​คน‍ยูดาห์​ที่​เหลือ​อยู่​นี้​ก็​จะ​พินาศ”

16 แต่​เก‌ดา‌ลิ‌ยาห์​บุตร​อา‌หิ‌คัม​พูด​กับ​โย‌ฮานัน​บุตร​คา‌เร‌อาห์​ว่า “ท่าน​อย่า​ทำ​สิ่ง​นี้​เลย เพราะ​ที่​ท่าน​พูด​ถึง​อิช‌มา‌เอล​นั้น​เป็น​ความ​เท็จ”