ปฐมกาล 34 THSV11

ดี‌นาห์​ถูก​ข่ม‍ขืน

1 ฝ่าย​ดี‌นาห์​บุตรี​ของ​ยา‌โคบ​กับ​เล‌อาห์​นั้น​ออก​ไป​หา​ผู้​หญิง​ใน​ถิ่น​นั้น

2 เมื่อ​เช‌เคม​บุตร‍ชาย​ฮา‌โมร์​คน​ฮี‌ไวต์​ผู้​เป็น​เจ้า‍นาย​ดิน‍แดน​นั้น​เห็น​ดี‌นาห์ ก็​เอา​ไป​หลับ‍นอน​ข่ม‍ขืน​เธอ

3 จิต‍ใจ​ของ​เช‌เคม​ก็​ผูก​พัน​อยู่​กับ​ดี‌นาห์​บุตรี​ยา‌โคบ เขา​รัก​เธอ พูด‍จา​เอา‍ใจ​เธอ

4 เช‌เคม​จึง​พูด​กับ​ฮา‌โมร์​บิดา​ว่า “ขอ​หญิง‍สาว​นี้​ให้​เป็น​ภรรยา​ของ​ลูก”

5 ยา‌โคบ​ได้​ข่าว​ว่า​ผู้​นั้น​ทำ‍ลาย​ความ​บริ‌สุทธิ์​ของ​ดี‌นาห์​บุตรี​ของ​ท่าน แต่​พวก​บุตร​ของ​ท่าน​อยู่​กับ​ฝูง‍ปศุ‌สัตว์​ที่​ใน​ทุ่ง ยา‌โคบ​จึง​นิ่ง‍คอย​ให้​พวก‍เขา​กลับ‍มา​บ้าน

6 ฮา‌โมร์​บิดา​ของ​เช‌เคม​ก็​ไป​หา​ยา‌โคบ​เพื่อ​พูด‍คุย​กับ​ท่าน

7 เมื่อ​พวก​บุตร​ของ​ยา‌โคบ​ได้‍ยิน​ข่าว​ก็​กลับ‍มา​จาก​ทุ่ง ต่าง​ก็​ทุกข์‍ใจ​และ​โกรธ​มาก​ที่​เขา​เหยียด‍หยาม​พวก​อิสรา‌เอล โดย​ข่ม‍ขืน​บุตรี​ของ​ยา‌โคบ ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ไม่​สม‍ควร​ทำ

8 ฮา‌โมร์​พูด​กับ​พวก‍เขา​ว่า “จิต‍ใจ​เช‌เคม​ลูก‍ชาย​ของ​เรา​นี้​ผูก​พัน​รัก‍ใคร่​ลูก‍สาว​ของ​ท่าน​มาก ขอ​ให้​นาง​เป็น​ภรรยา​ของ​เขา​เถิด

9 และ​เชิญ​พวก‍ท่าน​ทำ​การ​สมรส​กับ​พวก‍เรา ยก​บุตรี​ของ​ท่าน​ให้​พวก‍เรา และ​รับ​บุตรี​ของ​เรา​ให้​พวก‍ท่าน

10 พวก‍ท่าน​จะ​ได้​อยู่​กับ​พวก‍เรา และ​ดิน‍แดน​นี้​ก็​อยู่​ตรง‍หน้า​ท่าน เชิญ​อาศัย​และ​ค้า‍ขาย และ​ครอบ‍ครอง​สมบัติ​ใน​ดิน‍แดน​นี้”

11 เช‌เคม​บอก​บิดา​และ​พวก​พี่‍ชาย​ของ​หญิง​นั้น​ว่า “ขอ​ท่าน​กรุณา​ข้าพ‌เจ้า​เถิด ท่าน​จะ​เรียก​เท่า‍ไร​ข้าพ‌เจ้า​ก็​จะ​ให้

12 ท่าน​จะ​เอา​เงิน‍สิน‍สอด​และ​ของ‍ขวัญ​มาก​สัก​เท่า‍ไร ข้าพ‌เจ้า​จะ​ให้​ตาม​ที่​พวก‍ท่าน​บอก แต่​ขอ​ยก​หญิง​นั้น​เป็น​ภรรยา​ข้าพ‌เจ้า”

13 เพราะ​เหตุ​ที่​เช‌เคม​ทำ‍ลาย​ความ​บริ‌สุทธิ์​ของ​ดี‌นาห์​น้อง‍สาว บุตร‍ชาย​ของ​ยา‌โคบ​จึง​หลอก​เช‌เคม และ​ฮา‌โมร์​บิดา​ของ​เช‌เคม

14 โดย​ตอบ​ว่า “เรา​ไม่​สามารถ​ทำ​อย่าง‍นี้ คือ​ที่​จะ​ยก​น้อง‍สาว​ของ​เรา​ให้​แก่​คน​ที่​ยัง​ไม่‍ได้​เข้า‍สุหนัต จะ​เป็น​ที่​อับอาย​ขาย‍หน้า​แก่​เรา

15 เรา​จะ​ยอม​ก็​ต่อ​เมื่อ​ท่าน​ถือ​ตาม​เรา คือ​ยอม​เหมือน​พวก‍เรา โดย​ให้​ผู้‍ชาย​ทุก​คน​เข้า‍สุหนัต

16 เรา​จึง​จะ​ยอม​ยก​บุตรี​ของ​เรา​ให้​แก่​พวก‍ท่าน และ​จะ​รับ​บุตรี​ของ​พวก‍ท่าน​เป็น​ภรรยา​ของ​พวก‍เรา และ​เรา​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​เป็น​ชน‍ชาติ​เดียว‍กัน

17 แต่​หาก​ว่า​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ไม่​ฟัง​คำ​เรา ไม่​เข้า‍สุหนัต เรา​จะ​เอา​บุตรี​ของ​เรา​ไป​เสีย”

18 ถ้อย‍คำ​ของ​พวก‍เขา​เป็น​ที่​พอ‍ใจ​ฮา‌โมร์​และ​เช‌เคม​บุตร‍ชาย​ของ​ฮา‌โมร์

19 หนุ่ม​คน​นั้น​ไม่​รี‍รอ​ที่​จะ​ทำ​ตาม​เพราะ​เขา​ชอบ​บุตรี​ของ​ยา‌โคบ เขา​เป็น​คน​มี​เกียรติ​มาก​กว่า​ใครๆ ใน​ครอบ‍ครัว​ของ​บิดา

20 ฮา‌โมร์​กับ​เช‌เคม​บุตร‍ชาย​จึง​ออก​ไป​ที่​ประตู​เมือง​บอก​ชาว‍เมือง​ว่า

21 “คน​เหล่า‍นี้​เป็น​มิตร​กับ​พวก‍เรา ให้​เขา​อาศัย​และ​ค้า‍ขาย​ใน​ดิน‍แดน​นี้ เพราะ​ดิน‍แดน​นี้​กว้าง‍ขวาง​พอ​ให้​เขา​อยู่​ได้ ให้​เรา​รับ​บุตรี​ของ​เขา​เป็น​ภรรยา​พวก‍เรา และ​ยก​บุตรี​ของ​เรา​ให้​เขา

22 พวก‍เขา​จะ​ยอม​อยู่​เป็น​ชน‍ชาติ​เดียว​กับ​เรา​ได้​ตาม​ข้อ‍ตก‍ลง​นี้​เท่า​นั้น คือ​พวก‍เรา​ที่​เป็น​ชาย​ทุก​คน​จะ​เข้า‍สุหนัต​เหมือน​เขา

23 ฝูง‍ปศุ‌สัตว์​และ​ทรัพย์‍สมบัติ​ของ​พวก‍เขา กับ​สัตว์‍ใช้‍งาน​อื่นๆ ทั้ง‍สิ้น​ของ​พวก‍เขา​ก็​จะ​เป็น​ของ​เรา​ด้วย​ไม่​ใช่​หรือ? ขอ​แต่​ให้​เรา​ยอม​ทำ​ตาม​พวก‍เขา พวก‍เขา​ก็​จะ​อยู่​กับ​เรา”

24 ทุก​คน​ที่​ออก​ไป​ที่​ประตู​เมือง​ก็​เห็น‍ชอบ​กับ​ฮา‌โมร์​และ​เช‌เคม ชาย​ทุก​คน​ก็​เข้า‍สุหนัต​คือ​ทุก​คน​ที่​ออก​ไป​ที่​ประตู​เมือง

พี่‍ชาย​ของ​ดี‌นาห์​แก้‍แค้น

25 เมื่อ​อยู่​มา​ถึง​วัน‍ที่​สาม คน​เหล่า‍นั้น​กำลัง​เจ็บ​อยู่ บุตร‍ชาย​สอง​คน​ของ​ยา‌โคบ​ชื่อ สิ‌เม‌โอน​และ​เลวี เป็น​พี่‍ชาย​ของ​ดี‌นาห์ ก็​ถือ​ดาบ​เข้า​ไป​ใน​เมือง​ที่​ไม่‍มี​การ​ป้อง‍กัน ฆ่า​ผู้‍ชาย​ใน​เมือง​ทุก​คน

26 พวก‍เขา​ฆ่า​ฮา‌โมร์​และ​เช‌เคม​บุตร‍ชาย​เสีย​ด้วย​ดาบ และ​พา​ดี‌นาห์​ออก​จาก​บ้าน​เช‌เคม​ไป

27 บรร‌ดา​บุตร​คน​อื่น​ของ​ยา‌โคบ​เข้า​ไป​ที่​คน​ตาย และ​ปล้น​เมือง​นั้น เพราะ​คน​เมือง​นั้น​ทำ‍ลาย​ความ​บริ‌สุทธิ์​ของ​น้อง‍สาว

28 พวก‍เขา​เอา​ฝูง‍แพะ‍แกะ ฝูง‍โค ฝูง‍ลา และ​ข้าว​ของ​ใน​เมือง​และ​ใน​นา​ไป

29 เอา​ทรัพย์‍สมบัติ​ทั้ง‍หมด​ไป และ​จับ​บุตร​ภรรยา​ของ​คน​เหล่า‍นั้น​ทั้ง‍หมด​ไป​เป็น​เชลย และ​ริบ​ของ​ใน​บ้าน​ไป​เสีย​ทั้ง‍สิ้น

30 ฝ่าย​ยา‌โคบ​จึง​พูด​กับ​สิ‌เม‌โอน​และ​เลวี​ว่า “เจ้า​ทำ​ให้​พ่อ​เดือด‍ร้อน โดย​ทำ​ให้​พ่อ​เป็น​ที่​เกลียด‍ชัง​ของ​คน​ดิน‍แดน​นี้ คือ​คน​คา‌นา‌อัน​กับ​คน​เป‌ริส‌ซี พ่อ​มี​ผู้​คน​น้อย‍นัก ถ้า​พวก​นั้น​รุม​โจม‍ตี​พ่อ ก็​จะ​ทำ​ให้​พ่อ​และ​ครอบ‍ครัว​ถูก​ทำ‍ลาย”

31 แต่​พวก‍เขา​ตอบ​ว่า “มัน​จะ​ทำ​กับ​น้อง‍สาว​เรา​เหมือน​หญิง​โส‌เภ‌ณี​ได้​หรือ?”