1 ปัญญามิได้ร้องเรียกหรือความเข้าใจมิได้เปล่งเสียงหรือ
2 ณ ที่สูงที่ข้างทางที่กลางถนนปัญญาก็ยืนอยู่
3 ข้างประตูหน้าเมืองที่ทางเข้ามุข ปัญญาก็ร้องเสียงดังว่า
4 “โอ บรรดาผู้ชายเอ๋ย เราเรียกเจ้าและเสียงเรียกของเราไปถึงบุตรชายของมนุษย์
5 โอ คนเขลา จงเข้าถึงความหยั่งรู้โอ คนโง่ จงเข้าใจ
6 ฟังซิ เพราะเราจะพูดถึงสิ่งที่มีเกียรติเพราะสิ่งที่ชอบจะมาจากริมฝีปากของเรา
7 เพราะปากของเราจะเปล่งความจริงความโหดร้ายเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อริมฝีปากของเรา
8 บรรดาคำปากของเรานั้นชอบธรรมในนั้นไม่มีคำบิดหรือคำคด
9 คำเหล่านั้นสำหรับผู้ที่เข้าใจก็ตรงหมดสำหรับผู้พบความรู้ก็ถูกต้อง
10 จงรับคำสั่งสอนของเราแทนเงินและความรู้แทนทองคำอย่างดี
11 เพราะปัญญาดีกว่าทับทิมและสิ่งที่เจ้าปรารถนาทั้งหมดจะเปรียบเทียบกับปัญญาไม่ได้
12 เราคือปัญญา อยู่ในความหยั่งรู้และเราพบความรู้และความเฉลียวฉลาด
13 ความยำเกรงพระเจ้าเป็นความเกลียดชังความชั่วร้ายเราเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหองและทางของความชั่วร้ายกับวาจาตลบตะแลง
14 เรามีคำหารือและสติปัญญาเรามีความรอบรู้ เรามีกำลัง
15 โดยเรานี่แหละพระราชาจึงปกครองและผู้ครอบครองจึงตรากฎหมายที่ยุติธรรม
16 โดยเรานี่แหละเจ้านายได้ครอบครองคือบรรดาขุนนางผู้ปกครองแผ่นดินโลก
17 เรารักบรรดาผู้ที่รักเราและบรรดาผู้ที่แสวงเราก็พบเรา
18 ความมั่งคั่งและเกียรติอยู่กับเราทั้งทรัพย์ศฤงคารที่ทนทานและความชอบธรรม
19 ผลของเราดีกว่าทองคำ แม้ทองคำนพคุณและผลได้ของเราดีกว่าเงินบริสุทธิ์
20 เราดำเนินในทางแห่งความชอบธรรมในวิถีทั้งหลายของความยุติธรรม
21 ประสาททรัพย์ศฤงคารแก่บรรดาผู้ที่รักเราบรรจุคลังทรัพย์ทั้งหลายของเขาให้เต็ม
22 พระเจ้าได้ประทานกำเนิดแก่เราแล้วเมื่อพระองค์ทรงเริ่มงานของพระองค์คือเป็นสิ่งแรกในบรรดาพระราชกิจโบราณของพระองค์
23 เราถูกสถาปนาไว้ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้วตั้งแต่แรก ก่อนปฐมกาลของแผ่นดินโลก
24 เราถือกำเนิดมาเมื่อก่อนมีมหาสมุทรเมื่อไม่มีน้ำพุที่มีน้ำมากมาย
25 ก่อนการเนรมิตสร้างภูเขาก่อนเนินเขาเราก็ถือกำเนิดมาแล้ว
26 ก่อนที่พระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลกทั้งไร่นาหรือก่อนผงคลีแรกของพิภพ
27 เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาฟ้าสวรรค์เราอยู่ที่นั่นแล้วเมื่อพระองค์ทรงลากเส้นรอบวงบนพื้นมหาสมุทร
28 เมื่อทรงกระทำฟ้าเบื้องบนให้มั่นไว้เมื่อพระองค์ทรงสถาปนาน้ำพุของน้ำบาดาล
29 เมื่อพระองค์ทรงกำหนดเขตจำกัดให้แก่ทะเลเพื่อว่าน้ำจะไม่ละเมิดพระบัญชาของพระองค์เมื่อพระองค์ทรงปักผังรากฐานของพิภพ
30 เราอยู่ข้างพระองค์แล้ว เหมือนอย่างนายช่างเราเป็นความปีติยินดีประจำวันของพระองค์เปรมปรีดิ์อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์เสมอ
31 เปรมปรีดิ์ในพิภพที่มีคนอาศัยของพระองค์และปีติยินดีในบุตรชายของมนุษย์
32 บุตรชายของเราเอ๋ย บัดนี้จงฟังเราบรรดาผู้ที่รักษาทางของเราก็อยู่สุขสงบ
33 จงฟังคำสั่งสอน และจงฉลาดและอย่าเพิกเฉยเสีย
34 ผู้ใดที่ฟังเรา ก็เป็นสุขคือเฝ้าอยู่ที่ประตูรั้วของเราทุกวันและคอยอยู่ข้างประตูบ้านของเรา
35 เพราะผู้ใดที่พบเรา ก็พบชีวิตและได้รับความพอพระทัยจากพระเจ้า
36 แต่ผู้ที่พลาดขาดเราก็กระทำตัวเองให้เจ็บบรรดาผู้ที่เกลียดเราก็รับความมรณา”